ร่วมสืบสานตำนานชนเผ่า อาสาพัฒนา สำนึกรักบ้านเกิด เรื่องราววิถีชีวิตพึ่งพา บันทึกและถ่ายทอดโดย " คนศรีตระกูล " (เพราะโลกคือการแบ่งปัน)

"พญานาค" (อัศจรรย์วันออกพรรษา 2554)

04 ตุลาคม 2553

ปล้นไม้พะยุง มีอาวุธสงครามครบมือ ตำบลศรีตระกูล อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ





เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรฉ์ พร้อมอาวุธสงครามครบมือ เข้ามายิงปืนข่มขู่ชาวบ้านอย่างอุกอาจ
 และตัดต้นไม้พะยุง ในเขตพื้นที่ของ นายจำรัส หมู่มาก อยู่บ้านเลขที่ 37
หมู่4 ต.ศรีตระกูล อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ

         จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่าตอนค่ำวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2561 เวลาประมาณ 22.30 น.
ในขณะนั้นมีชาวบ้าน คนแก่ วัยรุ่น และเด็กๆ นั่งเล่นหน้าบ้านสนทนากันอยู่หลายคน ได้มีรถยนต์สีดำลักษณะ
เป็นรถอเนกประสงค์คล้ายรถ Fortuner หรือ CR-V ขับมาจอดใกล้กับต้นไม้พะยุงที่อยู่ติดถนนใหญ่
และมีชายฉกรรฉ์ประมาณ 10 คน กระจายกันล้อมรอบบริเวณต้นพะยุง และวิ่งเข้ามาหา
ชาวบ้านที่นั่งสนทนากันอยู่ พร้อมยิ่งปืนข่มขู่หลายนัด ทำให้ชาวบ้านต่างตื่นตระหนกตกใจ
วิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันกระเจิดกระเจิง พร้อมยืนล้อมทางเข้าออกบ้านของเจ้าของที่ดินไม้พะยุง
และใช้ไฟฉายสอดส่องไปทั่วบริเวณเพื่อมิให้ชาวบ้านเข้ามาใกล้   โดยมีทีมงานผู้ชำนาญงานใช้เวลาตัดต้นไม้ประมาณ 20 นาที
และนำขึ้นรถหนีออกไปโดยเส้นทางถนนทางหลวงชนบทจากบ้านละเบิก มุ่งหน้าไปบ้านสนวนตะวันตก โดยลักษณะการทำงาน
มีการวางแผนเตรียมการไว้อย่างดี
    โดยระหว่างนี้ชาวบ้านก็ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สายด่วน 191 และฝ่ายปกครองในท้องที่
ทุกภาคส่วนด้วย แต่ด้วยสถานการณ์และระบบที่ล่าช้า ทำให้พวกหัวขโมยหนีไปได้ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง
    ซึงเหตุการลักลอบตัดไม้พะยุงในเขตตำบลศรีตระกูลเคยเกิดขึ้นหลายครั้งหลายคราว เช่นเมื่อประมาณ
ปี พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการขโมยตัดไม้พะยุงระบาดอย่าหนัก ทั่วทั้งพื้นที่ตำบลศรีตรระกูลและโดยรอบ
แต่ไม่เคยจับคนร้ายได้ แม้บางครั้งจะยึดของกลางได้ แต่เรื่องราวก็เงียบหายไป เหตุการณ์ในครั้งนั้นกระผมก็เคย
นำเสนอผ่านโซเชียลและนำเสนอต่อฝ่ายปกครองส่วนท้องที่ เพื่อช่วยหาวิธีดูแลและป้องกัน แต่ก็ไม่มีอะไร
คืบหน้าหรือการวางแผนป้องกันเลย
    หลังจากนั้นก็มีการขโมยตัดไม้พะยุงที่อยู่ตามทุ่งนาของชาวบ้านเรื่อยๆ มา จนกลายเป็นเหตุการณ์ชินชากับชาวบ้าน
ด้วยเหตุว่าไม่สามารถพึ่งพาผู้มีอำนาจการปกครองบ้านเมืองได้
    ข้อสังเกตุ มาบัดนี้พวกโจรเปลี่ยนรูปแบบที่ดูจะร้ายแรงและอุกอาจเพิ่มขึ้น โดยทำงานกันเป็นทีมตรพเวณปล้นซึ่งหน้า มีอาวุธครบมือ
พร้อมข่มขู่ชาวบ้าน แม้บางพื้นที่ยังเข้าไปข่มขู่และปล้นเอาต้นไม้ที่อยู่ภายในวัดวาอารามก็มี
    กลุ่มบุคคลเหล่านี้ทำงานเป็นขบวนการ วางแผนเตรียมการเป็นอย่างดี
    การเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่แต่ละครั้งดูเหมือนจะส่งสัญญาณทำให้โจรไหวตัวทันหนีรอดไปได้ทุกครั้ง
    ผู้มีอิทธิพลทางอำนาจเงินดูเหมือนจะเข้ามาครอบงำและเปิดทางผู้มีอิทธพลทางกฏหมายไว้ในทุกพื้นที่แล้ว
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว ไม่มีความมั่นใจหรือปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีเพียงความสามัคคีในกลุ่มคนเล็กๆฉันท์ญาติพี่น้อง
ที่มีแค่มือเปล่าเท่านั้นที่จะช่วยเหลือดูแลกัน จึงวอนผู้มีอำนาจและหน้าที่ช่วยมาดูแลความปลอดภัยของชาวบ้านและดำเนินการจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้พวกนี้ให้ได้





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น