ร่วมสืบสานตำนานชนเผ่า อาสาพัฒนา สำนึกรักบ้านเกิด เรื่องราววิถีชีวิตพึ่งพา บันทึกและถ่ายทอดโดย " คนศรีตระกูล " (เพราะโลกคือการแบ่งปัน)

"พญานาค" (อัศจรรย์วันออกพรรษา 2554)

12 มิถุนายน 2556

ตรวจผู้รับใชัชุมชน (CPO) สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ


          สำนักงานตำรวจภูธรปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ  ได้จัดงานพิธีเปิดที่ทำการใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่12 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ณ  บ้านละเบิก หมู่4 ตำบลศรีตระกูล อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเป็นต้นแบบในการบริหารงานตามทฤษฎีใหม่ ภายใต้ชื่อ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน” (CPO) โดยมอบหมายให้ ด.ต.อุดมพร ในทอง เป็นตำรวจผู้รับผิดชอบและดำเนินโครงการ  ในการนำร่องดำเนินโครงการเพื่อเป็นต้นแบบในการปฏิบัติงานของตำรวจตามทฤษฎีใหม่ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน” อันเป็นวิธีการทำงานเชิงประยุกต์ให้สอดคล้องกับกับยุคสมัยที่นับวันจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาโดยที่มิอาจปฏิเสธได้ 







"ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน" โดยความหมายและวัตถุประสงค์หลักก็คือ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่เชิงรุกเป็นผู้รอบรุ้ทั่วเข้าถึง รู้จัก และสัมผัสโดยตรงอย่างใกล้ชิด สม่ำเสมอกับประชาชนในชุมชน อันจะนำไปสู่ความรู้สึกเชื่อมั่นไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับใช้ชุมชนโดยมีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ของชุมชน โดยให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานกับตำรวจ






จึงถือว่าเป็นภาพลักษณ์ใหม่ของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในยุค 2013 ที่สามารถนำวิวัฒนาการใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบันเพื่อความสงบสุข และเกิดสันติสุขกันทั่วโลก ถือว่าเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติงานอย่างนิ่มนวลและแฝงไปด้วยหลักกฏหมายจริยธรรม ที่เมื่่อยุคก่อนๆ วิธีการทำงานของตำรวจไทยโดยมากจะเป็นวิธีการตั้งรับหรือการใช้อำนาจจัดการขั้นเด็ดขาดตามกฏหมายในเมื่อประชาชนกระทำความผิด


แต่ทฤษฎีใหม่ "ตำรวจผู้รับใช้ชุชน" จะเป็นการเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่า โดยการเข้าไปสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับชุมชน ให้ความรู้ในเรื่องกฎหมาย และเรื่องต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดอาชญากรรมทั้งแนะนำวิธีการป้องกันตัวเองมิให้หลงผิดหรือตก เป็นทาสของสิ่งเสพติดต่างๆ อันจะเป็นการลดอาชญากรรมลงได้ในที่สุด




ในการจัดงานพิธีเปิดที่ทำการใหม่ครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายรัฐบาล นักการเมือง การปกครอง และประชนชนในพื้นที่ทุกหมู่เหล่า ต่างปลื้มปีติยินดีที่ได้เห็นความสามารถของลูกหลานตนเองที่สามารถนำความรู้ความสามารถของตนเองที่ได้ไปศึกษาเล่าเรียนมา นำกลับมาช่วยพัฒนาสังคมของตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าน ด.ต.อุดมพร ในทอง ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้นได้






ในงานครั้งนี้มิใช่แต่มีผู้ที่ให้ความสำคัญเพียงแค่ประชาชนในพื้นที่เท่านั้นไม่ ท่านผู้กำกับ สภ.ปรือใหญ่เองท่านก็เป็นหัวเรือหลักในการทำโครงการและเป็นเกียรติในการมาเป็นประธานในการเปิดงาน พร้อมกันนี้ท่านได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านทุกหมู่เหล่า มาร่วมงานในครั้งนี้ถ้วนหน้าด้วย ถือว่าเป็นภาพที่น่าประทับใจและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในงาน ตำรวจผู้รับใช้ชุมชนครั้งนี้







ผู้เขียนเองในฐานะที่เป็นอีกคนหนึ่งในสังคมจึงอยากจะยกเอา "พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ที่ท่านตรัสไว้เนื่องในโอกาสต่างๆ อันเป็นเนิ้อหาเตือนสติให้กับพวกเราในฐานะเป็นพสกนิกรของพระองค์ อันจะได้เล็งเห็นประโยชน์และตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยกันพัฒนาสังคมและประเทศชาติของเราให้สงบสุขอย่างยั่งยืนสืบไป



"ในการปฏิบัติงานนั้น ย่อมมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไข อย่าทิ้งไว้พอกพูนลุกลามจนแก้ยาก ขอให้ทุกคนระลึกว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้หลายๆคนหลายๆทาง ด้วยความร่วมมือปรองดองกัน"

พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 13 กรกฎาคม 2533)


"การทำงานใหญ่ๆ ทุกอย่างต้องการเวลามากกว่าจะทำสำเร็จ ผู้ที่เริ่มโครงการอาจไม่ทันทำให้สำเร็จโดยตลอดด้วยตนเองก็ได้ ต้องมีผู้อื่นรับทำต่อไป ดังนั้นไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ริเริ่มงาน ใครเป็นผู้รับช่วงงาน ขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือผลสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นใหญ่"

พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร 14 ตุลาคม 2514)



"การจะทำงานให้มีประสิทธิผลและให้ดำเนินไปได้โดยราบรื่น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่บิดเบือนจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานสำคัญที่สุดต้องเข้าใจความหมายของคำว่า ความรับผิดชอบ ให้ถูกต้อง"

พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 16 กรกฎาคม 2519)



"ความสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับความรักใคร่เผื่อแผ่ช่วยเหลือกันฉันญาติพี่น้อง สองประการนี้ คือคุณลักษณะสำคัญของไทย ที่ช่วยให้ชาติบ้าน เมืองอยู่รอดเป็นอิสระ และเจริญมั่นคง มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน"

พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
(พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2532)



"สังคมใดก็ตาม ถ้ามีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ด้วยความมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน สังคมนั้นย่อมเต็มไปด้วยไมตรีจิต มิตรภาพ มีความร่มเย็นเป็นสุข น่าอยู่"

พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ...
(เพื่ออัญเชิญลงพิมพ์ในนิตยสารที่ระลึกครบ 36 ปี ของสโมสรไลออนส์กรุงเทพฯ 31 มี.ค.38)



"เป็นความจริงอยู่โดยธรรมดา ที่บุคคลในสังคมนั้นย่อมมีอัชฌาสัยจิตใจแตกต่างเหลื่อมล้ำกันเป็นหลายระดับ ขึ้นอยู่กับพื้นฐานภูมิธรรมของตน บางคนก็มีความคิดจิตใจสูง มีความประพฤติปฏิบัติดีงาม เป็นคุณเป็นประโยชน์อยู่แล้วเป็นปกติ แต่บางคนก็ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ เพราะยังไม่เห็นคุณค่าของการปฏิบัติดี จึงมักก่อปัญหาให้เกิดแก่สังคมคนเรานั้น สำคัญอยู่ที่ควรจะได้ปรารภปรารถนาที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเป็นลำดับ เพื่อให้ชีวิตเป็นสุข และเจริญรุ่งเรือง"

พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
(พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 16 วันเสาร์ 30 พ.ค.2524)









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น