ร่วมสืบสานตำนานชนเผ่า อาสาพัฒนา สำนึกรักบ้านเกิด เรื่องราววิถีชีวิตพึ่งพา บันทึกและถ่ายทอดโดย " คนศรีตระกูล " (เพราะโลกคือการแบ่งปัน)

"พญานาค" (อัศจรรย์วันออกพรรษา 2554)

18 ตุลาคม 2554

"พญานาค" (อัศจรรย์วันออกพรรษา 2554)

เป็นที่ทราบกันดีสำหรับชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ คือ วันออกพรรษา หรือ วันปวารณาออกพรรษา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่งของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศไทย เนื่องจากเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท โดยเป็นวันที่พระสงฆ์ จะทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษาในวันนี้ วันออกพรรษาตามปกติ (ออกปุริมพรรษา1) จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (ประมาณเดือนตุลาคม) หลังวันเข้าพรรษา 3 เดือน ตามปฏิทินจันทรคติไทย

พุทธศาสนิกชนถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เข้าวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลถวายทานจตุปัจจัย แก่พระสงฆ์ที่ตั้งใจจำพรรษาและตั้งใจปฏิบัติธรรมมาตลอดจนครบไตรมาสพรรษากาลในวันนี้ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนยังนิยมร่วมกันทอดกฐิน ในระยะเวลา 1 เดือนหลังออกพรรษา มีทั้ง จุลกฐิน และ มหากฐิน อย่างไรก็ดี ในแต่ละท้องถิ่นยังมีประเพณีอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การแข่งเรือ แสดงกาลเล่นประเพณีประจำท้องถิ่น การเทศน์มหาชาติ เป็นต้น ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา สิ่งของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้มมัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศล "ตักบาตรเทโว" ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11

ภาพที่นำมาให้ชมต่อไปนี้ "เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม"
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุการณ์ที่ต้นปาล์ม ผลัดยอดและแตกยอดใหม่ออกมา มีรุปลักษณ์คล้ายๆ รุปทรงของพญานาค ซึ่งเป็นที่แตกตื่นและฮือฮากันใหญ่ เป็นปกติของชาวไทยพุทธ ซึ่งมียอดแตกแขนงออกมา 7 ยอด




ประจวบเหมาะกับตำนาน พญานาค 7 เศียร ทำให้เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก และเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุและน่าแปลกใจเพิ่มขึ้นอีก คือเกิดขึ้นในช่วงประเพณีวันออกพรรษา และเกิดขึ้นใจกลางเมืองขุขัขันธ์ ซึ่งบริเวณนั้นเป็นที่ตั้งของอนุเสาวรีย์ ตากะจะ ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลผู้ก่อตั้งเมืองขุขันธ์ ที่ประชาชนชาวอำเภอขุขันธ์ให้ควาเคารพนับถือและกราไหว้สักกการะ อีกอย่างบริเวณนั้นก็เป็นสถานที่ที่เริ่มก่อสร้างศาลหลักเมืองขุขันธ์แห่งใหม่




พร้อมกันนั้นเป็นช่วงที่มีการจัดทำประเพณีประจำอำเภอขุขันธ์ คือประเพณีแซนโดนตา ซึ่งเป็นประเพณีหลักของชาวบ้านส่วนใหญ่ผู้มีถิ่นอาศัยอยู่ในมาตุภูมิแห่งนี้ จึงเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ข่าวแพร่กระจายกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในประชาชนแถบนั้นและประชาชนบ้านใกล้เรือนเคียงทั่วไป บางคนก็นำวัตถุสิ่งของต่างๆนานามากราบไหว้บูชา บ้างก็หาโชคลาภจากสิ่งที่เกิดขึ้นและพบเห็นในครั้งนี้


 อีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นที่ บ้านเคาะ ตำบลศรีตระกูล อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษเช่นกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากต้นไม้เช่นกัน คือ ต้นลิ้นฟ้า ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เป็นทั้งสมุนไพรและสามารถนำใบอ่อนและฝักอ่อน มารับประทานเป็นอาหารได้ด้วย






ซึ่งโดยปกติธรรมชาติของต้นลิ้นฟ้า จะมีลำต้นยืนต้นและแตกกิ่งก้านสาขาเป็นลำเรียวยาวและแตกดอกออกช่อ ดังภาพที่ปรากฏด้านล่าง และมีให้พบเห็นเกือบทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งหาความแปลกแตกต่างหรือแสดงความผิดปกติให้เห็นได้ยาก แต่มายุคสมัยนี้เป็นช่วงยุคสมัยที่ยังคงไว้ซึ่งประเพณีความเชื่อแบบโบราณ คือ เรื่องความเชื่อเกี๋ยวกับ พยาญานาค ซึ่งปรากฏให้เป็นที่เลื่องลือหลายๆ อย่าง หลายสถานที่ และหลายๆภูมิภาค เป็นต้นว่า บั้งไฟพญานาค จังหวัดหนองคาย และจังหวัดบึงกาฬ

ปกติและธรรมชาติของต้นลิ้นฟ้า


ความผิดธรรมชาติของต้นลิ้นฟ้าในครั้งนี้ คือ จะแตกกิ้งก้านสาขา มีลักษณะการแผ่ขยายกิ้ง คล้ายกับการแผ่แม่เบี้ยของงู หรือการแผ่พังพานของพญานาค ซึ่งมีรูปทรงที่ชวนให้แล และ จินตนาการดุจ ลักษณะของพญานาค ที่เป็นเหตุการณ์กำลังเป็นที่แพร่หลาย ในช่วง ใกล้วันออกพรรษา ของชาวไทยพุทธ
ต้นลิ้นฟ้า ทีเกิดความผิดปกติจากธรรมชาติ



ต้นลิ้นฟ้า ทีเกิดความผิดปกติจากธรรมชาติ

เนื้อหาที่นำเสนอทั้งหมดเป็นเพียงปากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะพิสูจน์โดยชัดเจนมิได้ ท่านที่ได้รับชมควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ ซึ่งมิได้มุ่งหวังให้เกิดความงมงายแต่ประการใด หากแต่ว่าอาจก่อให้เกิดแนวคิด ใหม่ๆ บางท่านก็จะได้ขวนขวายเพื่อศึกษาหาควารู้ต่อไป บางท่านก็อาจจะก่อเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา รู้จักใช้เหตุใช้ผลในการไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตและเพื่อการดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาทต่อไป...(คนศรีตระกูล)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น