"บนเส้นทางชีวิตที่มีการเกิดเป็นเบื้องต้น
เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และแตกดับไปในที่สุด"
"อดีตเป็นสิ่งเตือนใจ
มีปัจจุบันสำหรับดำเนินเรื่องราวชีวิต มีอนาคตที่มิอาจหยั่งรู้ได้"
"ความดีและความชั่วเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดชีวิต"
"เกิด แก่ เจ็บ ตาย มนุษย์ทุกคนสัตว์ทุกตนต้องพบเจอ"
ขอแสดงความนอบน้อมไปถึงบูรพคณาจารย์ผู้สร้างศิลป์แห่งการถ่ายภาพทุกท่าน
ขอแสดงตัวตนพอให้บรรเทาความสงสัยโดยสังเขปนะครับ
โดยนามปากกาว่า “อาร์ตบ้านบ้าน (Artbabban)”แดนมาตุภูมิอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ
ถิ่นฐานชนบท ค่อนข้างธุรกันดารสักหน่อย กล่าวคือต้นทุนโอกาสมีน้อยในหลายๆด้านไม่ว่าทางด้านเศรษฐกิจ
การเมือง และสังคม แต่ต้นทุนแรงใจเรามีเต็มเปี่ยมครับ
เส้นทางการถ่ายภาพ แรงบันดาลใจแรกที่ทำให้ชื่นชอบและหลงใหลในศิลปะแห่งการถ่ายภาพ เริ่มเดิมทีก็คือการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของเด็กวัยรุ่น
การค้นหาตัวตนของตัวเอง เพื่อความลงตัวของชีวิต
จนได้มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งท่านเป็นช่างภาพมือใหม่ที่เดินเข้ามาแนะนำชี้ทางให้
ท่านชื่อพี่มหาสุข ด้วยเหตุผลที่ว่าลองไปศึกษาดูมันเป็นวิชาที่ทำให้เกิดสมาธิ
ใจเย็น มองโลกอย่างสร้างสรรค์ และนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต ภาพแรกที่เกิดขึ้นในมโนจิตนั้นเป็นภาพที่จุดประกายแรงบันดาลใจมาก
และบอกได้ว่า อย่างมาก หลายท่านคงคุ้นตากันดี ภาพๆนั้น คือ “ภาพในหลวง
ทรงสะพายกล้อง” ทุกครั้งที่พระองค์ทรงงานนั้นจะเห็นพระองค์ทรงพกติดพระวรกายไปตลอด แต่นั่นมิได้หมายความว่าจะมองเห็นอนาคตอย่างทะลุปรุโปร่ง
แต่หากว่าเป็นภาพที่ฉงนใจยิ่งนัก ที่ทำให้เราต้องค้นหาคำตอบอีกตั้งมากมาย จากนั้นจึงตัดสินใจเข้าไปศึกษาที่
วิทยาลัยการอาชีพสารพัดช่างพระนคร ในหลักสูตรวิชาการถ่ายภาพเบื้องต้น “โดยมีท่านอาจารย์สุมาลี
วิชาชัย” เป็นผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาให้
โดยสถานะ
การเป็นคนชอบถ่ายภาพตอนนี้นั้นขอใช้คำว่า
ช่างภาพมือใหม่ ก็แล้วกันครับ บนเส้นทางชีวิตที่ดำเนินไปเรื่อยๆ
โดยที่เหตุการณ์ต่างๆเราก็กำหนดมันได้เองบ้างแต่หลายเหตุการณ์ชีวิตเรากำหนด
มันไม่ได้
เรื่องราวปัจจุบันเราพยายามทำให้มันดีที่สุด
ผ่านไปแล้วคืออดีตที่ควรทรงจำหรือบางทีก็ให้ตอกย้ำความบอบช้ำในจิตใจ
อนาคตที่ยังอยู่อีกยาวใกลใครเลยจะล่วงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เรื่องราวชีวิตทั้งหลายจึงถูกบันทึกไว้ในความทรงจำและถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ
ถ่าย
และนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนมนุษย์ได้สัมผัสเพียงแต่อาจก่อเกิดเกิดประโยชน์ได้
บ้าง
ชอบครับที่จะได้เปิดอ่านหนังสือหรือดูบทความทางเว็บไซต์ของท่านนักเขียนทั้ง
รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่เขียนถึงการถ่ายภาพและวิเคราะห์วิจารณ์ภาพถ่ายพร้อม
ทั้งบรรจงใส่แนวคิดลงไปได้อย่างปราณีต
ทั้งนี้ขอแสดงความนับถือและขอบคุณทุกท่านไว้ด้วยนะครับ
การถ่ายภาพหรือภาพถ่ายผมว่ามันมีมนต์เสน่ห์ยิ่งนักเพราะเราต้องใช้ทั้งทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบรรจงสร้างมันขึ้นมา
หลายคนคงรู้จักการถ่ายภาพและถ่ายภาพเป็นกันเกือบทุกคน จะเห็นได้จากสื่อต่างๆ เช่นทีวี หนังสือ เป็นต้น
ภาพที่ได้เห็นมีทั้งความงดงามและดูธรรมดา
บางภาพมีทั้งหลักการและเหตุผลทางการถ่ายภาพอย่างมากมาย
บางภาพก็มีแนวคิดของตัวเองมานำเสนอ
บางภาพก็ไม่ต้องใช้หลักการและเหตุผลมากแต่ออกมาจากความรู้สึกของตัวเองว่าสวยว่างาม
ปัจจุบันมนุษย์ได้มีการพัฒนาเรื่องการถ่ายภาพอย่างรวดเร็วเป็นต้นว่าอุปกรณ์คือกล้อง
ก็ผลิตออกมาให้มีฟังชั่นควบคุมการใช้งานที่ง่าย พอถ่ายเสร็จก็สามารถผลิตออกมาด้วยตัวเองได้เลย
แต่โดยส่วนตัวของผมแล้วผมคิดว่า เรื่องราวของภาพ น่าสนใจและมีมนต์เสน่ห์ยิ่งนัก
ล้านขวดล้านธรรม |
ภาพนี้ผมขอตั้งชื่อให้ว่า “ล้านขวดล้านธรรม”
เป็นสถานที่ที่เราซึ่งนับถือศาสนาพุทธรู้จักกันดีคืออุโบสถ
ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ
โดยที่มีแนวคิดและวิธีสร้างขึ้นมาดูน่าตื่นตาสำหรับยุคสมัยนี้มาก
คือการนำเอาขวดแก้วที่มิได้ใช้แล้ว นำมาสร้างเป็นศิลปะร่วมสมัย
ทั้งยังเป็นการนำเอาสิ่งที่เหลือใช้และสลายยากกลับมาใช้ใหม่อันจะเป็นการช่วยลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง
และอีกร้อยพันเหตุผลธรรมก็ตามแต่ มันเป็นสิ่งที่ถูกคิดและสร้างขึ้นด้วยมนุษย์
ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นเกิดความประทับใจซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความสุขทางใจเป็นเบื้องต้น
ภาพนี้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 8 เดือนสิงหาคม 2556 ซึ่งอันที่จริงแล้วในช่วงนี้เป็นช่วงที่พายุกำลังพัดผ่านประเทศไทยทำให้ภาคอีสานตอนล่างมีฝนฟ้าตลอดทั้งวันติดต่อกันยาวนาน
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมเองก็
ตั้งใจว่าสักครั้งหนึ่งจะได้บันทึกภาพวัดล้านขวด
ซึ่งโอกาสดีดีก็ไม่ค่อยจะได้มีสักเท่าไรนัก เป็นต้นว่า
จังหวะเวลาที่ได้ไปพบผู้คนพลุกพล่านมากมาย สภาพแสงไม่เป็นใจ
ท้องฟ้าช่วงหน้าฝนปิดครึ้มตลอด
แต่วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมเมื่อยามพระอาทิตย์รุ่งเช้าทอแสงส่อง
ประกาย
ผมเองก็ไม่ยอมชะล่าใจรีบหยิบกล้องคู่ใจมุ่งหน้าออกจากบ้านทันที
ภาพแรกที่พบคือพระอุโบสถแก้วที่ตั้งตระหง่านสีสันสว่างสดใสเมื่อยามที่กระทบ
กับแสงอรุณยามเช้า
หมู่นกพิราบโผบินวนร่อนรอบเข้าไปพักพิงอาศัย
เหล่าต้นไม้ใบหญ้าดูเขียวชะอุ่ม
อากาศพลันพัดมากระทบกับผิวกายช่างเย็นสบายยิ่งนัก
คือโดยภาพรวมแล้ว สงบ สว่าง สะอาด ได้อารมณ์สมที่เป็นศาสนสถานมาก มุม
ภาพและองค์ประกอบที่ผมบันทึกออกมานั้นล้วนเป็นความบรรจงตั้งใจทั้งสิ้น
ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส
มีเมฆสีขาวประปรายดังถูกระบายด้วยพู่กันไล่ระดับความอ่อนโยน
โดยที่ด้านหน้านั้นจะมีต้นไม้ที่มีแสงสอดส่องลอดเข้ามารำไรทะลุผ่านผิวใบตก
กระทบที่ต้นไม้และกิ่งก้าน
ก่อให้เกิดมิติสวยงาม
ความโอนเอียงของกิ่งก้านจะเกิดช่องเว้นมุมรับกับยอดพระอุโบสถพอดี
ต่อจากนั้นจะมีศาลาพักพิงทำมุมทแยงลงมา
เป็นกรอบรอบดันพระอุโบสถให้ดูโดดเด่น
อีกทั้งช่วงนั้นจะมีนกพิราบที่กำลังโบยบินร่อนวนรอบรับลม
องค์ประกอบทุกอย่างผมตั้งกล้องเตรียมไว้หมดแล้ว
ขาดเหลือก็แต่นกพิราบนี่แหละ เดาอาการมันยากและนานหน่อย
แต่หลังจากที่ตั้งใจรอคอยผมก็ได้จังหวะและโอกาสพอดีที่มีเจ้านกพิราบประมาณ
สองตัวกำลังบินว่อนทำมุมหน้าเข้าหาพระอุโบสถพอดี
ภาพที่ได้ก็อย่างที่เห็นละคับ มันทำให้เกิดการดึงจุดสนใจไปที่พระอุโบสถ
ภาพนี้ถ่ายที่วัดล้านขวด อำเภอขุนหาญ
จังหวัดศรีสะเกษ ถ่ายด้วยกล้องดิจิติล SLR EOS550D Lens.EF-S 18-135mm.
f/3.5-5.6 IS ถ่ายด้วยโหมด แมนนวล วัดแสงได้ที่ s 1/80 f/11 ISO100
ล้านขวดล้านธรรม_2 |
โดยแนวคิดที่ผมอยากถ่ายทอดออกมา
คือความตั้งใจของผู้ที่คิดและผู้ที่สร้างเพื่อการสื่อถึงเรื่องราวทางศาสนาพร้อมทั้งคุณค่าของศิลปะ
อันจะเป็นเหตุนำบุคคลผู้ที่มองเห็นหรือศัพท์พระท่านว่าตาสว่าง
ไปสู่ความสงบสุขของชีวิต ภาพนี้มีความเปรียบต่างของแสงที่แตกต่างกันอย่ามาก
ด้านนอกจะมีแสงสว่างของแสงดวงอาทิตย์บวกกับแสงสว่างจากการสะท้อนแสงของขวดแก้วอีก
ส่วนด้านในแสงค่อนข้างสว่างน้อย ผมใช้วิธีวัดแสงเฉพาะจุด คือวัดค่าแสงด้านใน
และแสงด้านนอก ได้ค่าระยะห่างระหว่างทางของแสงทั้งสองจุด เลยได้สปีดชัตเตอร์ที่ 1/20
รูรับแสง
f/8.o ISO.200 เนื่องจากต้องการรายละเอียดทุกส่วนของภาพ จึงใช้การคงค่า รูรับแสงที่ f/8.o คงค่า ISO.200 เพราะความเปรียบต่างของแสงในแต่ละจุดมีมากและต้องการลด
Noise ในภาพให้ได้มากที่สุด ด้วย
รายละเอียดแสงจึงเห็นได้ทั้งองค์พระด้านในและขวดแก้วที่ประดับตกแต่งด้านนอกดูเป็นแสงสมจริงที่ตามองเห็นในขณะนั้น
ล้านขวดล้านธรรม_3 |
ภาพ
นี้เพียงแต่เปลี่ยนมุมกล้องเงยสูงขึ้นมาอีกหน่อยต้องการนำเสนอลักษณะของ
สถาปัตยกรรม
โดยการใช้หลักการเส้นทแยงมุม
ระหว่างสถาปัตกับท้องฟ้าซึ่งมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง
ท้องเป็นสีฟ้าแถมยังแต่งแต้มมิติของตัวเองด้วยการระบายสีแห่งก้อนเมฆสีขาว
ไล่ระดับอย่างอ่อนไหวดูมีชีวิต
สถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นด้วยยอดฉัตรถ่ายทอดเอกลักษ์ความเป็นศิลปะไทยวาง
ตัวโดดเด่นอยู่กลางท้องฟ้าราวกับลอยอยู่บนสรวงสวรรค์มองดูแล้วทำให้เกิดพลัง
แห่งแรงศรัทธายิ่ง
เส้นทางเล็กๆของเด็กในชนบท |
เช้า
วันศุกร์
เป็นช่วงเวลาที่สามารถเห็นภาพการใช้ชีวิตของเด็กๆในชนบทเป็นประจำ
คือการเดินทางเพื่อไปศึกษาหาความรู้ที่โรงเรียน
วันนี้คุณครูให้แต่งชุดสีขาวทั้งชุด
เพราะเป็นช่วงที่ปรับแผนการศึกษาโดยเน้นให้เด็กได้ศึกษาเรื่องคุณธรรมและ
จริยธรรมเพิ่มขึ้น
เมื่อกล่าวถึงการศึกษาก็อยากจะพูดเสริมเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมอีกสักหน่อย
ในส่วนตัวของผมแล้วผมว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากในที่จะพัฒนาคนพัฒนาประเทศ
ชาติคือการปลูกฝังจิตสำนึกให้กับเยาวชนของชาติคือเด็กๆ
จะเห็นว่าปัญหาสังคมไทยในยุคสมัยนี้มีมากขึ้น ทั้งเรื่องยาเสพติด การพนัน
อาชญากรรม
การทุจริตคอรัปชั่น เป็นต้น ดูจะยิ่งนับวันทวีความรุนแรงขึ้น หลายหน่วยงาน
หลายองค์กรที่มองเห็นถึงปัญหาและช่วยกันคิดและแก้ไขในหลายๆวิธีด้วยกัน
แต่ก็พอแก้ไขได้ในระดับหนึ่ง
ซึ่งดูจะเป็นวิธีที่แก้ไขที่ปลายเหตุมากกว่า
แต่ผมคิดว่าวิธีแก้ไขที่ต้นเหตุและยั่งยืนกว่าคือ
การปลูกฝังเรื่อง คุณธรรมและจริยธรรม ให้กับเด็กๆตั้งแต่วัยยังเล็กๆ
ให้ความสำคัญและช่วยกันสนับสนุนอย่างจริงจัง
คือเสริมเป็นหลักสูตรหลักของกระทรวงศึกษาเลย
วิธีนี้ผมว่าช่วยลดปัญหาได้มากกว่าและยั่งยืนแน่นอน
...ว่าแล้วก็อยากจะหยิบยกมาเล่าอีกหน่อย
มิได้มุ่งหวังให้เกิดความเสื่อมเสียแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
หรือแม้แต่องค์กรหรือสถาบันหนึ่ง
เพียงแต่ให้เป็นทิฐานุคติในการสร้างสรรค์มากกว่า
คือระบบการศึกษาสมัยนี้จะมุ่งเน้นให้เด็กสร้างผลงานให้โรงเรียนมากกว่า
หรือเพื่อหางบประมาณเข้ามาในสถานศึกษาของตนเองให้ได้มากที่สุด
มุ่งเน้นแต่วิชาการหาผลประโยชน์เลยทำให้ขาดโอกาสในวิชาที่เด็กควรจะได้รับ
อย่างเพียงพอ หรือแม้แต่ครูเอง
ซึ่งเปรียบเสมือนเรือ หลักก็มิได้ทุ่มเทใส่ใจหรือเสียสละ
อย่างที่ควรจะเป็น ต่างคนก็ต่างทำงานแค่รับเงินเดือนไปเดือนต่อเดือน
น้อยมากที่จะพบเห็นท่านที่ทุ่มเทความเป็นครู ด้วยอุดมการณ์
เหตุผลเหล่านี้ดูเป็นเรื่องผิวเผิน
แต่ถ้าคิดวิเคราะห์พิจารณาให้ลึกแล้วผมว่ามันน่าใจหายมากทีเดียว...
กลับมาเรื่องการถ่ายภาพและภาพถ่ายกันต่อครับ
ผมสะพายกล้องและปั่นจักยานคันเล็กๆไปรอระหว่างทางที่มองแล้วจุดนี้แหละเป็น
มุมภาพที่ได้องค์ประกอบและเรื่องราวมากที่สุด
คือได้บรรยากาศชนบทที่มีภูมิประเทศพึ่งพาธรรมชาติ ความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ฉันท์พี่น้อง เด็กๆเดินทางไปโรงเรียนด้วยเท้า
พี่ดูแลน้อง
ส่วนน้องเชื่อฟังพี่ บางคนงอแงหน่อยก็ให้แม่ปั่นจักรยานส่งไปโรงเรียน
จะเห็นจากรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กๆแสดงถึงความสุขในการดำเนินชีวิตในวัยเด็ก
ของตนเอง
สถานีนี้ศรีสะเกษ |
มีโอกาสได้เดินทางเข้าไปทำธุระในตัวเมืองศรีสะเกษ
ก็เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศ ที่อดีตเคยเป็นสถานที่ที่เป็นจุดเชื่อมต่อสายมิตรภาพ
ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป คือสถานีรถไฟ
ก้าวแรกที่ผมสัมผัสเท้าเข้าไป จะเห็นเอกลัษณ์ความเป็นสถานีรถไฟ คือชานชลา
ที่พักพิงของนักเดินทาง
ผู้คนที่เฝ้ารอคอยเพื่อเดินทางและรอคอยผู้ที่ตนรู้จักกำลังเดินทางมาพบ
มองดูรอบบริเวณจะมีอักษรคำที่บ่งบอกถึงวัตถุประสงค์ของสถานที่อย่างชัดเจน มีการจัดสวนตกแต่งสถานที่ให้ดูชุ่มใจ
การออกแบบสถานที่ให้ดูโล่งโปร่งใส แบบสบายๆ พร้อมลัษณะแปลนเพดานที่มีเส้นนำสายตาระหว่างสองข้างทางรถไฟ
มองแล้วให้เกิดความรู้สึกของเส้นทางที่ห่างไกล หรือถ้าเปรียบชีวิตก็คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวนานและยาวไกล หลังจากที่เดินชมสักพักผมก็ได้จุดนี้แหละที่จะบันทึกไว้เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่ตนได้พบเห็น
การจัดองค์ประกอบภาพทุกอย่าง สามารถอธิบายได้ที่ภาพเองและเนื้อหาที่ถูกจารึกไว้ ณ
สถานที่นั้นอย่างชัดเจน จุดนำสายตาจะอยู่ระหว่างด้ายล่างขวา
หรือถ้าวางตามทฤษฎีการถ่ายภาพ จะวางไว้ที่จุดตัดเก้าช่องเยื้องขวาล่าง
โดยมีเส้นทางของรถไฟตัดผ่านจากมุมขวาและเส้นเพดานบังลมแดดพาดเข้ามาเป็นกรอบนำสายตาก่อให้เกิดมิติเพิ่มขึ้น
มีชื่อสถานที่ และจุดกำหนดลำดับการขึ้นลงอย่างชัดเจน
จุดหมายปลายทาง |
ความหวัง |
เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องพบเจอ
คนทุกคนมีจุดมุ่งหมายของตนเองต่างคนต่างวาระขึ้นอยู่กับเรื่องราวและเหตุผลเหล่านั้นเป็นสำคัญ
บางคนประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ตนรอคอย แต่บางคนกลับผิดหวัง
พื้นที่ที่เปลี่ยนแปลง |
ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมกำลังเดินทางบนถนนสายมิตรภาพ
ซึ่งภูมิทัศน์รอบข้างน่าจะบอกถึงภูมิประเทศได้ดีว่าเป็นภาพอีสานซึ่งเป็นถิ่นชนบท
ที่ยังคงมีวิถีชีวิตพึ่งพาอาศัยธรรมชาติและมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย แต่ก็ต้องถูกเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ในระหว่างที่เครื่องยนต์กำลังเดินทางอย่างพลุ่งพล่านและรีบร้อน
ผมก็มองไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นแม่กับลูกที่กำลังย่ำเท้าบนพื้นดินบ้างสลับเท้าบนพื้นถนนยางมะตอยบ้าง
โดยสีหน้าและอาการคือต้องระวังรถและความลำบากในการเดิน
จุดหมายก็คือการไปดูแลสัตว์ที่ตนเลี้ยงซึ่งที่เห็นในภาพคือกระบือ(ควาย)
ที่ดูกิริยากำลังเคี้ยวหญ้าและก็ส่ายสายตาเหม่อไปมองมา
เหมือนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่าง นี่แหละคับชีวิตถึงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแต่ยังไงก็ต้องอยู่กับมันให้ได้
*** รออับเดทภาพและบทความเพิ่มเติมครับผม ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น