ร่วมสืบสานตำนานชนเผ่า อาสาพัฒนา สำนึกรักบ้านเกิด เรื่องราววิถีชีวิตพึ่งพา บันทึกและถ่ายทอดโดย " คนศรีตระกูล " (เพราะโลกคือการแบ่งปัน)

"พญานาค" (อัศจรรย์วันออกพรรษา 2554)

26 กรกฎาคม 2559

เกิดเหตุฆาตกรรม ในพื้นที่ตำบลศรีตระกูล



เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น ณ พื้นที่ตำบลศรีตระกูล อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมริมคลองอีสานเขียวจุดเชื่อมต่อบ้านเคาะ-บ้านทุ่งชัย-ปรือใหญ่ 
            วันที่ 26ก.ค.2559 เวลาประมาณ 16.00 น. มีชาวบ้านที่สัญจรบนเส้นทางคลองอีสานเขียวได้พบศพหญิงสาวนอนเสียชีวิตลักษณะนอนคว่ำ ในทุ่งนาริมคลองอีสานเขียว และได้เร่งรุดรีบแจ้งผู้นำหมู่บ้าน ทั้งกำนันผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้าน และทีมปกครองท้องที่ทุกหมู่เหล่า ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปรือใหญ่และ สภ.ขุขันธ์ เพื่อมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
             เบื้องต้นพบศพหญิงสาว ชื่อ น.ส.เพ็ญประภา ทัดสุพรรณ เกิดวันที่ 24 ก.พ. 2540 อายุ 19 ปี
บ้านเลขที่28หมู่ที่ 5 ตำบลสำโรงตาเจ็น อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้เสียชีวิต จากการชันสูตรศพเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่พบรอยบาดแผลถูกฟันที่แก้มด้านซ้ายประมาณ 3 แผลเวอะหวะขนาดใหญ่ และด้านหลัง  พบหลักฐานตกอยู่ในที่เกิดเหตุคือปลอกมีดและโทรศัพท์มือถือ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนหามูลเหตุคดี จากชาวบ้านในพื้นที่แวดล้อมและใกล้เคียง จึงพอได้ข้อมูลพยานหลักฐานความคืบหน้าและนำไปสู่การจับกุมผู้ที่ก่อเหตุต่อไป ข้อมูลความคืบหน้าจะได้นำเสนออีกต่อไป...

   





จาการชันสูตรศพพบบาดแผลฉกรรจ์ที่แก้มด้านขวาและต้นคอ และอีกหลายแผลตามลำตัว ซึ่งรอยแผลเกิดจากอาวุธมีคมประเภทขวาน






คดีนี้ พ.ต.อ.วีระศักดิ์ วงศ์วานิช ผกก.สภ.ปรือใหญ่ ลงพื้นที่ด้วยตนเองพร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดให้ทำงานกันอย่างรอบคอบและเร่งด่วนเพราะเป็นคดีอุกฉกรรณ์ที่สร้างความสะเทือนใจแก่ประชาชนผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก โดยการนำทีมสืบสวนสอบของ ร.ต.อ.สมบัติ ใช้เวลาสืบสวนประมาณ 3 ชั่วโมง โดยอาศัยการวิเคราะห์มูลเหตุรอบด้าน จากพยานบุคคล ก็ได้เบาะแสระบุตัวของผู้ก่อเหตุในช่วงค่ำวันเดียวกัน และได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปปิดล้อมบ้านผู้ก่อเหตุทันที จากการตรวจค้นปรากฎว่าไม่พบผู้ต้องสงสัยคงพบเพียงข้าวของกระจัดกระจายภายในบ้านและรอยเลือดที่เปราะเปื้อนอยู่บนพื้น โดยที่ผู้ต้องสงสัยไหวตัวทันและหลบหนีไปก่อน 


 วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2559 สภ.ปรือใหญ่ ประกาศจับ นายมี อินญาพงษ์ อายุ 55 ปี เกิดบ้านเลขที่ 39 หมู่ที่4 ต.ศรีตระกูล อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสเกษ ผู้ต้องหาคดีฆ่า น.ส.เพ็ญประภา ทัดสุพรรณ เกิดวันที่ 24 ก.พ. 2540 อายุ 19 ปี บ้านเลขที่28หมู่ที่ 5 ตำบลสำโรงตาเจ็น อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหายังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นบุคคลอันตราย ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและช่วยกันแจ้งเบาะแสหากพบเห็นกรุณาแจ้งมาที่ สภ.ปรือใหญ่ โทร.045630118 ,ด.ต.อุดมพร ในทอง โทร.0810671508, คุณมงคล โคตมา โทร.0810709743 (กต.สภ.ปรือใหญ่), กำนันสนั่น เทาศิริ โทร.0810709043

 



             ด้วยการทำงานสืบสวนสอบสอนอย่างหนักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปรือใหญ่ ทั้งการลงพื้นที่ตามหมู่บ้านและกระจายกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ผนวกกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นและจิตอาสาหลายท่านที่ช่วยกันกระจายข่าวในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง จึงทำให้ประชาชนทราบข่าวและเข้าใจชัดเจน และช่วยกันเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสที่เกิดประโยชน์กับเจ้าหนาที่ตำรวจ จึงนำไปสู่การมอบตัวและจับกุมในวันที่ 28 ก.ค. 2559 ด้วยระยะเวลาอันสั้น



      วันที่ 29 ก.ค. 2559 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ก่อเหตุไปทำแผนเพื่อประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดก่อเหตุ ทั้งนี้การทำงานเป็นไปอย่างเงียบและรวดเร็ว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ อาจเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นได้



        จากการพูดคุยกับผู้ต้องหาและลงพื้นที่สอบถามจากชาวบ้าน เบื้องต้นพอสรุปสาเหตุคร่าวๆ ตนและผู้ตายอาศัยอยู่กินด้วยกัน สาเหตุเกิดจากการบันดาลโทสะ ที่ทั้งสองคนมักเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้งมีปากเสียงรุนแรงบ้าง ตบตีกันบ้าง ผนวกกับผู้ก่อเหตุเป็นคนติดเหล้ามีอาการทางจิต และผู้เสียชีวิตเป็นคนมีอาการทางจิตด้วย เคยเสพยามักจะขอเงินจากตนเพื่อไปซื้อยามาเสพบ่อยๆ บางครั้งหากไม่ได้ก็ด่าทอตน ด้วยคำหยาบโลนต่างๆนานา หรือด่าถึงโคตรเง่าเหล่ากอ จนทำให้ตนเกิดบันดาลโทสะอย่างขาดสติในครั้งนี้  
          บทสรุปจากเหตุการณ์และเรื่องราวเหล่านี้ เกิดจาการขาดสติขาดความรู้ ในการดำเนินชีวิต เกิดจากการหลงผิดตกเป็นทาสของยาเสพติดจึงเป็นต้นเหตุชักนำไปสู่เรื่องราวที่สะเทือนใจในครั้งนี้ เพราะผลที่ได้รับทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ถูกกระทำ ต้องได้รับผลกรรมที่แสนสาหัสจากผลกรรมที่ตนหลงผิด ฉะนั้นมนุษย์ผู้ประเสริฐจึงควรดำเนินชีวิตอย่างมีสติประกอบสัมมาชีพมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โลกเราก็จะอยู่อย่างสันติและสงบสุข...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น